กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนภัยเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน เฝ้าระวังการระบาดเพลี้ยไฟในทุเรียน เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้ (เดือนธันวาคม – พฤษภาคม) มีแดดแรง ลมแรง อากาศแห้ง เหมาะต่อการแพร่ระบาดของเพลี้ยไฟ ซึ่งตรงกับระยะที่ต้นทุเรียนออกดอกติดผล ดังนั้น เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากเริ่มพบการเข้าทำลาย ให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง หรือสามารถขอคำแนะนำได้ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
ลักษณะของเพลี้ยไฟทุเรียน คือ ในตัวเต็มวัยจะมีลำตัวแคบยาว สีเหลือง หรือสีน้ำตาลอ่อน เป็นแมลงขนาดเล็ก ขอบปีกมีเส้นขนเป็นแผง ขนาดยาวประมาณ 0.71 – 1.05 มิลลิเมตร กว้างประมาณ 0.14 – 0.19 มิลลิเมตร มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ไข่มีขนาดเล็ก คล้ายเมล็ดถั่วสีขาว ขนาดยาว 0.25 มิลลิเมตร กว้าง 0.10 มิลลิเมตร ฝั่งอยู่ในเนื้อเยื่อพืชบริเวณใกล้เส้นกลางใบ ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนต่าง ๆ ของพืช ส่งผลให้ใบอ่อนหรือยอดอ่อนชะงักการเจริญเติบโต แคระแกร็น ใบโค้ง แห้ง หงิกงอ และไหม้
สำหรับการป้องกันกำจัด นอกจากการสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ และสำรวจถี่ขึ้นในช่วงสภาพอากาศร้อน ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานแล้ว เกษตรกรควรอนุรักษ์และใช้ศัตรูธรรมชาติเข้าช่วย ได้แก่ แมงมุมชนิดต่าง ๆ ตัวอ่อนแมลงช้าง และเพลี้ยไฟตัวห้ำ ซึ่งหากพบเพลี้ยไฟระบาดเล็กน้อยให้ตัดส่วนที่ถูกทำลาย นำใส่ถุงมิดชิด ทิ้งนอกแปลง และหากเกิดการระบาดเพิ่มขึ้น เกษตรกรสามารถใช้สารกำจัดแมลงได้แก่ อิมิดาโคลพริด 10% SL อัตรา 10 มิลลิลิตร หรือฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 10 มิลลิลิตร โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร ทั้งนี้ เกษตรกรไม่ควรใช้สารเคมีกำจัดแมลงชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำติดต่อกันหลายครั้ง เพราะทำให้เพลี้ยไฟสร้างความต้านทานได้