กรมส่งเสริมการเกษตรเผยขณะนี้เป็นช่วงกำหนดเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนนอกฤดูพื้นที่ภาคใต้ ในขณะที่ทุเรียนพื้นที่ภาคตะวันออกกำลังออกดอก รุ่นแรกส่วนใหญ่อยู่ในระยะดอกบาน ระยะหางแย้ เริ่มทยอยติดผลเล็กเพิ่มขึ้น รุ่นถัดมาการออกดอกส่วนใหญ่อยู่ในระยะมะเขือพวง ระยะกระดุม นอกจากนี้ ในหลายพื้นที่ทุเรียนยังทยอยออกดอกในระยะไข่ปลา/ตาปู และระยะเหยียดตีนหนู ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ผลผลิตทุเรียนปีนี้จะมีหลายรุ่น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่แหล่งผลิตลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ รวมถึงชี้แจงสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคการค้าผลไม้ด้านสุขอนามัยพืช และการบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยในสินค้าผลไม้บางชนิด พร้อมเตือนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เฝ้าระวังการระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน เนื่องจากตัวเต็มวัยหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน เป็นผีเสื้อกลางคืน วางไข่ได้ 100 – 200 ฟองต่อตัว โดยวางไข่เป็นฟองเดี่ยวบนผลทุเรียนในขณะที่ผลยังอ่อน เมื่อตัวหนอนเจาะเข้าไปกัดกินเมล็ดภายในผล จะสังเกตรอยเจาะของหนอนได้ยาก เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก จึงขอให้เกษตรกรสำรวจสวนทุเรียนอย่างสม่ำเสมอ หากพบตัวเต็มวัยหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (ผีเสื้อ) ในกับดักแสงไฟ ให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาด สำหรับเกณฑ์การประเมินพื้นที่ระบาดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ในช่วงทุเรียนติดผล ให้ตรวจดูตัวเต็มวัยของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนในกับดักแสงไฟ (black light) ทุก 2 – 3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยเฉพาะหลังฝนตกหนักให้ตรวจดูทุกวันในระดับเศรษฐกิจ หากตัวเต็มวัยในกับดักแสงไฟ 1 ตัว ให้ถือว่าพบการระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนในแปลงนั้น
กรมส่งเสริมการเกษตรมีคำแนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้ 1) เลี่ยงการขนย้ายเมล็ดทุเรียนจากที่อื่นเข้ามาในแหล่งปลูก 2) หากมีความจำเป็น ก่อนทำการขนย้ายเมล็ดทุเรียน ควรคัดเลือกเมล็ดอย่างระมัดระวัง และแช่เมล็ดด้วยสารกำจัดแมลง เช่น มาลาไทออน 83% EC อัตรา 40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร 3) ห่อผลทุเรียนอายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ด้วยถุงพลาสติกสีขาวขุ่น และเจาะรูระบายที่ขอบล่าง 4) ก่อนห่อผลควรมีการสำรวจเพลี้ยแป้ง ถ้าพบเพลี้ยแป้งระบาดควรพ่นสารไดโนทีฟูแรน 10% WP อัตรา 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร และ 5) หากพบผีเสื้อหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนเริ่มระบาด ให้ใช้สารคาร์บาริล 85% WP อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เดลทาเมทริน 3% EC อัตรา 15 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% CS อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ให้พ่นสารห่างกันทุก 7 – 10 วัน ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร โดยไม่ควรใช้สารเคมีชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน และควรมีการสลับชนิดสารเคมี เพื่อป้องกันศัตรูพืชเกิดความต้านทาน
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรเน้นย้ำให้เกษตรกรสำรวจแปลงปลูกของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และเฝ้าระวังการระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ในช่วงทุเรียนติดผลอ่อน หากเกษตรกรพบตัวเต็มวัยหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (ผีเสื้อ) ในกับดักแสงไฟ ให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนที่ผีเสื้อจะวางไข่บนผลอ่อนของทุเรียน หรือสามารถขอคำแนะนำได้ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
สำหรับหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนเป็นแมลงศัตรูที่มีความสำคัญและทำความเสียหายต่อผลผลิตทุเรียน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมาเลเซียแล้วระบาดเข้ามาทางภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อเกษตรกรนำเมล็ดทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองซึ่งมีขนาดโตมาจากภาคใต้เพื่อใช้เป็นต้นตอ เมื่อปลูกจะได้ต้นกล้าที่แข็งแรง เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และมีความทนทานต่อโรคสูง การนำเมล็ดพันธุ์จากทางภาคใต้มาเป็นเหตุทำให้หนอนชนิดนี้ติดมาด้วย เกษตรกรจึงเรียกหนอนชนิดนี้ว่า “หนอนใต้” หรือ “หนอนมาเลย์” หนอนชนิดนี้เมื่อเข้าทำลายผลทุเรียนจะไม่สามารถสังเกตจากลักษณะภายนอกได้ หนอนที่เจาะเข้าไปในผลทุเรียนถ่ายมูลออกมาปะปนอยู่กับเนื้อทุเรียนทำให้เนื้อทุเรียนเสียคุณภาพ เกษตรกรไม่สามารถขายเนื้อทุเรียนสดได้ ต้องนำไปแปรรูปซึ่งราคาต่ำ สูญเสียรายได้ จนกระทั่งเมื่อหนอนโตเต็มที่พร้อมเข้าดักแด้ จะเจาะเปลือกเป็นรูออกมาและทิ้งตัวลงบนพื้นดินเพื่อเข้าดักแด้ในดิน เกษตรกรเห็นแต่รูไม่พบตัวหนอนอยู่ภายในหรือบางครั้งพบความเสียหายเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้วหลังจากหนอนเจาะออกมา จึงเรียกหนอนชนิดนี้อีกชื่อว่า “หนอนรู” พบระบาดเป็นครั้งแรกที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยองเมื่อปี 2530
……
กรมส่งเสริมการเกษตร : ข่าว
กลุ่มพยากรณ์และเตือนการระบาดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย : ข้อมูล