กรมส่งเสริมการเกษตรชูระบบแปลงใหญ่พัฒนาอะโวคาโด จ.ตาก สร้างให้เป็นพืชอัตลักษณ์ ภายใต้สโลแกน “TAK CITY OF AVOCADO”

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดตาก ได้นำโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นไม้ผลเศรษฐกิจ ได้แก่ อะโวคาโด และมีการรวมกลุ่มสมาชิกจัดตั้งเป็นแปลงใหญ่อะโวคาโด อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ขึ้นในปี พ.ศ.2560 มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 50 ราย พื้นที่เข้าร่วม 300 ไร่ ปัจจุบันมีการขยายเครือข่ายเกษตรกรผู้สนใจในพื้นที่อำเภอพบพระ จำนวนรวม 6 แปลง เกษตรกรเพิ่มเป็น  257 ราย พื้นที่รวม 3,204 ไร่ ซึ่งผลสำเร็จตามเป้าหมายของดำเนินงานขับเคลื่อนแปลงใหญ่อะโวคาโด อำเภอพบพระ ในปัจจุบัน เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยน จากอโวคาโดพันธุ์พื้นเมืองเป็นพันธุ์ดี โดยการเปลี่ยนยอด จำนวน 4,635 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 60 ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP 28 แปลง และการรับรอง “ตากการันตี” 181 แปลง เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 25 (จากไร่ละ 4,900 บาท เป็น 3,675 บาท) และสามารถเพิ่มผลผลิตได้ร้อยละ 20 ในส่วนของกลุ่มเกษตรกร มีการบริหารจัดการกลุ่มในรูปแบบคณะกรรมการบริหารจัดการ และมีการจดทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกอะโวคาโดอำเภอพบพระ เพื่อเป็นกลไกในด้านการตลาดต่อไป

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

                “ในปี 2564 ที่ผ่านมา แปลงใหญ่อะโวคาโด อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้รับการสนับสนุนเครื่องคัดขนาดและคุณภาพผลอะโวคาโดจำนวน 1 ชุด จากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด และในปี 2564 มีอะโวคาโดที่ให้ผลผลิตแล้ว 1,369 ไร่ ผลผลิตประมาณ 800 -1200 ตันต่อปี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไม่น้อยกว่า 18 ล้านบาท สำหรับในปี 2565 นี้คาดว่าผลผลิตอะโวคาโดของกลุ่มจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 – 2,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท รวมทั้งจังหวัดตากยังมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนอะโวคาโดให้เป็นพืชอัตลักษณ์ของจังหวัด ภายใต้สโลแกน “TAK CITY OF AVOCADO” สนับสนุนให้เกษตรกรมีการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสม พัฒนาคุณภาพผลผลิตอะโวคาโด Premium Grade และต่อยอดผลิตภัณฑ์โดยการแปรรูป ในด้านการตลาด มีการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตออนไลน์ จำหน่ายผลผลิตสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด รวมถึงพัฒนาสวนอะโวคาโดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนพืช GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ในชื่อ อะโวคาโดตาก” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

                รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ สวนวังพลากรได้พัฒนาพันธุ์อะโวคาโด พันธุ์พบพระ 08 ซึ่งเป็นสายพันธุ์พื้นเมือง ได้จากการนำยอดพันธุ์อะโวคาโดไม่ทราบสายพันธุ์ จากบ้านรวมไทยพัฒนาที่ 8 ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ของนายรุ่ง บุญรอด ซึ่งได้จากการเพาะเมล็ดไม่ทราบชื่อพันธุ์ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก (ดอยมูเซอ) โดยนำมาเสียบยอดกับต้นตอพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกไว้ จากนั้นได้สังเกตการเจริญเติบของการเสียบยอดทั้ง 2 แบบ คือ การเสียบแบบนำยอดพันมาเสียบกับต้นตอพันพื้นเมืองที่ปลูกไว้แล้วและการเสียบแบบนำยอดพันมาเสียบกับต้นสต็อกที่ได้จากเพาะเมล็ดในถุงดำ ผลปรากฏว่าต้นพันธุ์  ที่เสียบยอดกับต้นตอพันธุ์พื้นเมืองเริ่มมีดอกในปลายเดือนมกราคม พ.ศ.2556 และติดผลในปลายเดือนกุมภาพันธ์ในปีเดียวกัน จำนวน 20-30 ผล จึงได้เลือกเก็บผลไว้เพียง 15 ผล และสามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2556 โดยผลผลิตที่ได้มีน้ำหนักเฉลี่ย 250 กรัมถึง 500 กรัมต่อลูก เมื่อสุก เปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วง เนื้อสีเหลืองอำพัน เนื้อเนียน เหนียวมัน แห้ง ไม่มีเสี้ยน และไม่มีจุดดำ ใช้เวลานับวันตั้งแต่ออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 5 เดือน ลำต้นแข็งแรงเจริญเติบโตได้ดี ทนทานต่อโรค ซึ่งภายหลังจากที่เกษตรกรในพื้นที่อำเภอพบพระได้ทำการติดตามผลการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมด 4 รุ่น พบว่า ผลผลิตที่ได้มีลักษณะและคุณภาพคงที่ จากนั้นจึงนำยอดพันธุ์รุ่นที่ 4 ไปขยายต่อเป็นรุ่นที่ 5 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2560 โดยให้ผลผลิตในปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.2561 ปรากฏว่าได้คุณลักษณะและคุณภาพไม่แตกต่าง คือ กลิ่น สีเนื้อ ความเหนียวมันแห้ง รูปทรงภายนอก เหมือนผลผลิตในรุ่นที่ 1 ถึง 4 จึงได้ตั้งชื่อพันธุ์ว่า “พบพระ 08” ความหมายคือ มีต้นกำเนิดอยู่ที่อำเภอพบพระ บ้านรวมไทยพัฒนาที่ 8 ซึ่งขณะนี้จังหวัดตากอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร

******************************

พีรมณฑ์ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว : สิงหาคม 65
สำนักงานเกษตรจังหวัดตาก: ข้อมูล