นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการหน่วยงานด้วยความโปร่งใสและมีคุณธรรม โดยได้คะแนน 90.60 จัดอยู่ในหน่วยงานระดับ A จากการประเมินโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2564 ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนนในด้านการเปิดเผยข้อมูล และด้านการป้องกันการทุจริต ซึ่งการประเมินดังกล่าวกำหนดไว้ตามแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมิน ITA 8,300 หน่วยงาน มีประชาชนเข้ามาร่วมตอบแบบสอบถามจำนวน 1,331,588 ราย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ 471,794 ราย และผู้รับบริการภาครัฐ 859,794 ราย ซึ่งเป็นการประเมินที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดในประเทศไทย
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานสนองนโยบายของรัฐและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยยึด 5 กลยุทธ์สำคัญ คือ
1) สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อให้เกิดอำนาจในการต่อรองราคาผลผลิตทางการเกษตร เกิดความเข้มแข็งของกลุ่ม และสามารถบริหารจัดการการตลาดได้อย่างมีคุณภาพ สามารถสนองความต้องการของผู้บริโภคสินค้าเกษตรได้ เช่น กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ซึ่งมีเกษตรกรสนใจเข้ารวมกลุ่มเพิ่มขึ้นทุกปี
2) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับมูลค่าสินค้าเกษตร โดยส่งเสริมทักษะและความรู้แก่เกษตรกรให้สามารถทำการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และได้รับมาตรฐานระดับสากล เช่น อย. GAP GMP. เป็นต้น ตลอดจนการแปรรูปสินค้าเกษตรอย่างหลากหลาย และทำการผลิตแบบขยะเหลือศูนย์ (Zero waste)
3) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตร โดยส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับความรู้ในด้านเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัยผสมผสานเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การใช้โดรนช่วยทำการเกษตร ระบบการให้น้ำพืชผ่านสมาร์ทโฟน และการใช้แอปพลิเคชั่นในการอำนวยความสะดวก เช่น Farmbook ในการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็น Smart Farmer ต้นแบบ พร้อมถ่ายทอดความรู้แก่เพื่อนเกษตรกรต่อไป
4) บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ และการเกษตรแบบผสมผสาน ผ่านการให้ความรู้เรื่องค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อให้เกษตรกรเลือกใช้ปุ๋ยได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัยต่อตนเอง ผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงได้ เช่น โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) และ
5) พัฒนาระบบบริหารจัดการ ภาครัฐ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เอกชน แพลตฟอร์มการตลาด และหน่วยงานภาคี เช่น ไปรษณีย์ไทย ช้อปปี้ ลาซาด้า เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำเกษตรให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการขนส่งสินค้าเกษตรถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วปลอดภัย ตลอดจนเป็นการขยายช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรด้วย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ยังคงมุ่งมั่นเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรต่อไป ตามวิสัยทัศน์กรมส่งเสริมการเกษตรที่ว่า “เกษตรกรมีความเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และรายได้ที่มั่นคง”
ประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร : นาฏสรวง ข่าว/กันยายน 2564