เกษตรใช้กลไกแปลงใหญ่ ขับเคลื่อนการผลิตทุเรียนนนท์ สร้างความเข้มแข็ง เกิดจุดเรียนรู้ในพื้นที่ ต่อยอดสู่เกษตรกรรายอื่น

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายการทำงานปี 2565 ในการวางรากฐานการพัฒนาภาคการเกษตรให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อยกระดับภาคการเกษตรในยุค Next Normal ทั้งการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง ใช้การตลาดสมัยใหม่ หรือการตลาด 5.0 ผลักดันให้ไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศสำคัญของผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูงของโลกภายในปี 2580 จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับสินค้าเกษตรด้วยโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งจังหวัดนนทบุรีนั้นมีกลุ่มแปลงใหญ่อยู่หลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น ที่สวนทุเรียนยายละมัย ซึ่งเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ทุเรียนอำเภอเมืองนนทบุรี ได้ดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการนำเอาองค์ความรู้การปลุกทุเรียนแบบชาวสวนนนทบุรีดั้งเดิมมาใช้ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการปลูกทุเรียน พร้อมทั้งนำไปเป็นแบบอย่างต่อยอดพัฒนาให้กับกลุ่มแปลงใหญ่อื่น ๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายแปลงใหญ่ที่เข้มแข็ง เป็นพลังในการปฏิรูปภาคการเกษตรที่ทันสมัย ทันสถานการณ์ และทันต่อการเปลี่ยนแปลง

นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

                ด้าน นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรใช้ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่เป็นกลไกขับเคลื่อนหลักในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มุ่งเน้นการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อย เพื่อรวมกันผลิต รวมกันจำหน่าย และบริหารจัดการร่วมกัน ส่งผลให้มีแปลงใหญ่ทุเรียนจำนวน 5 แปลง ในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองนนทบุรี 1 แปลง อำเภอบางใหญ่ 1 แปลง อำเภอบางกรวย 1 แปลง และอำเภอปากเกร็ด 2 แปลง สำหรับสวนทุเรียนยายละมัย เป็นสมาชิกแปลงใหญ่อำเภอเมืองนนทบุรี โดยมีนายสำเริง สุนทรแสง เป็นเจ้าของสวน ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแปลงใหญ่ทุเรียนอำเภอเมืองนนทบุรี และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองนนทบุรี ด้านไม้ผล (ทุเรียน) รวมทั้งเป็นประธานขับเคลื่อนการรวมกลุ่มแปลงใหญ่อย่างเข้มแข็ง และเป็นจุดเรียนรู้ด้านการปลูกทุเรียนในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรที่สนใจและเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองต่อไป

                สำหรับจังหวัดนนทบุรี มีพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 107,938.72 ไร่ เกษตรกร 12,159 ครัวเรือน มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว 88,804 ไร่ ไม้ผล 10,415.97 ไร่ ไม้ดอกไม้ประดับ 4,195.23 ไร่ และผัก 2,887.19 ไร่ ซึ่งทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและมีชื่อเสียงของจังหวัดและมีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น หมอนทอง ก้านยาว ชะนี กระดุม กำปั่น สาวน้อย กบ เป็นต้น เมื่อปี 2553 พื้นที่ปลุกทุเรียนในจังหวัดนนทบุรีมีมากถึง 3,475 ไร่ แต่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในปี 2554 ทำให้พื้นที่การเกษตรเสียหาย เหลือพื้นที่ปลูกทุเรียนเพียงแค่ 43 ไร่ ส่งผลให้ผลผลิตทุเรียนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัจจุบันเกษตรกรมีการปลูกและฟื้นฟูสวนใหม่ ทำให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,280 ไร่ เกษตรกร 1,162 ครัวเรือน พื้นที่เก็บเกี่ยว 112.95 ไร่ ปริมาณผลผลิต 9,110 ลูก ผลผลิตเฉลี่ย 119.85 กิโลกรัม/ไร่ ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี 5,976 ลูก อำเภอบางใหญ่ 1,744 ลูก อำเภอบางกรวย 810 ลูก อำเภอปากเกร็ด 555 ลูก อำเภอบางบัวทอง 23 ลูก และอำเภอไทรน้อย 2 ลูก โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ของทุกปี

                “สวนยายละมัย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลบางกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี มีพื้นที่การเกษตร 3 ไร่ 3 งาน มีการปลูกทุเรียนหลังปี 2554 โดยใช้ภูมิปัญญาชาวสวนนนท์ตั้งแต่การเตรียมดิน ลอกเลนก่อนการปลูก การช่วยผสมเกสรเพื่อให้มีเปอร์เซ็นต์การติดผลมากขึ้น รวมทั้งบันทึกวันผสมเกสรเพื่อความแม่นยำในการเก็บเกี่ยวผลผิต ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุเรียนครบอายุสามารถเก็บเกี่ยวได้ ผลผลิตจึงมีความสมบูรณ์ มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สวนยายละมัยมีทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ รวมทั้งสิ้น 131 ต้น จำแนกเป็น หมอนทอง 62 ต้น ก้านยาวทรงหวด 40 ต้น ก้านยาวทางกลม 3 ต้น ก้านยาววัดสัก 1 ต้น พงมณี 23 ต้น และพานพระศรี 2 ต้น ในปี 2565 ให้ผลผลิต 1,791 กิโลกรัม ผลผลิตเฉลี่ย 525 กิโลกรัม/ไร่ แยกเป็น หมอนทอง 417 ผล พวงมณี 380 ผล ก้านยาว 13 ผล และพานพระศรี 9 ผล” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติม

******************************