เฉลิมชัยสั่งการกรมส่งเสริมการเกษตร เร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย พร้อมลงพื้นที่ส่งมอบกำลังใจแก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดลงพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายจากเหตุอุทกภัยซึ่งในขณะนี้หลายจังหวัดสถานการณ์กำลังเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ปริมาณน้ำที่ท่วมเริ่มลดลงในหลายจังหวัด โดยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในบูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกษตรกรได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด  โดยที่ผ่านมานั้นกรมส่งเสริมการเกษตรได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร
ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายภายหลังน้ำลดทันที และประสานงานให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือว่า เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว ให้เกษตรกรยื่นแบบขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน/อบต. หรือนายกเทศมนตรีตรวจสอบและรับรอง ตามสถานที่ที่กำหนด จากนั้นคณะกรรมการหมู่บ้านตรวจสอบ และรับรองความเสียหาย นำรายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ไปติดประกาศคัดค้านตามสถานที่ที่กำหนด ไม่น้อยกว่า 3 วัน สำนักงานเกษตรอำเภอนำเสนอคณะกรรมการ ก.ช.ภ.อ. พิจารณาให้ความช่วยเหลือ (วงเงิน
ไม่เกิน 500,000 บาท) หากไม่เพียงพอ ให้สำนักงานเกษตรจังหวัดเสนอคณะกรรมการ ก.ช.ภ.จ. พิจารณาให้ความช่วยเหลือ (วงเงินในอำนาจ 20 ล้านบาท) หากไม่เพียงพอ ให้คณะกรรมการ ก.ช.ภ.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบใช้เงินทดรองราชการ ในอำนาจปลัด กษ. (วงเงินในอำนาจ 50 ล้านบาท)

ส่วนการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรล่าสุด
คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมการเกษตรได้ลงพื้นที่ที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบสิ่งของและให้กำลังใจ ล่าสุดได้นำเมล็ดพันธุ์พืช ต้นพันธุ์พืช และชีวภัณฑ์ ไปมอบให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยเพื่อเป็นปัจจัยการผลิตเบื้องต้นในการฟื้นฟูอาชีพและยังเป็นการส่งมอบกำลังใจแก่เกษตรกร รวมไปถึงได้มอบถุงยังชีพแก่เจ้าหน้าที่ผู้ประสบภัยที่ปฏิบัติงาน
ในพื้นที่ในจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเป็นลำดับต้น ๆ ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 “กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์และพันธุ์พืชเพื่อสนับสนุนการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกร
ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ในจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี โดยได้รับการสนับสนุนดังกล่าวจากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์พริก มะเขือ กระเจี๊ยบเขียว รวม 60,000 ซอง ต้นกล้าพืชผักพริก มะเขือ กะเพรา รวม 150 ถาด (15,600 ต้น) ต้นพันธุ์ไม้ผล (กล้วยหอมทอง กล้วยน้ำว้า) รวม 100 ต้น นำไปมอบให้เกษตรกรผู้ประสบภัยในจังหวัดชัยภูมิ จากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 7 จังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ ต้นพ้นธุ์กล้วย และไม้ผล จัดเป็นชุด ชุดละ 2 ถุง รวม 430 ชุด นำไปมอบให้เกษตรกรผู้ประสบภัยในจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด จากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 5 จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ผักจัดชุด 5 ชนิด และต้นพันธุ์กล้วยน้ำว้า 1 ต้น รวม 150 ชุด นำไปมอบให้เกษตรกรผู้ประสบภัยในจังหวัดอุบลราชธานี ส่วนในเรื่องการเยียวยาเกษตรกรจะเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยมีอัตราการช่วยเหลือดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่ และไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ทั้งนี้ เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย มีพื้นที่เสียหายจริง และอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ”  อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

สำหรับรายงานความเสียหายเบื้องต้นด้านพืชจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีจังหวัดที่เกิดอุทกภัยทั้งสิ้น 16 จังหวัด 221 อำเภอ 1,614 ตำบล 13,841 หมู่บ้าน เกษตรกร 499,245 ครัวเรือน พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 4,332,333 ไร่ คิดเป็น 22.52 ของพื้นที่การเกษตร (ใน 16 จังหวัด) จำแนกเป็น ข้าว 3,256,226 ไร่ พืชไร่-พืชผัก 1,058,003 ไร่ พืชสวน-ไม้ผล 18,104 ไร่ ส่วนในภาพรวมรายงานความเสียหายเบื้องต้นพื้นที่เกษตรทั่วประเทศได้รับผลกระทบ 59 จังหวัด เกษตรกร 647,829 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 5,499,049.25 ไร่ ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว จำนวน 56 จังหวัด ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยจำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรีและสมุทรสาคร (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565)

พีรมณฑ์ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว : พฤศจิกายน 65
สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น, กองแผนงาน : ข้อมูล