รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่สงขลา Kick off การบูรณาการทดลองร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา


เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ Kick off โครงการบูรณาการทดลองร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา และการซื้อขายน้ำยาง EUDR ณ โรงงานน้ำยางข้น สหกรณ์การเกษตรจะนะ จำกัด อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมการประมูลน้ำยางสด EUDR กิจกรรมการบูรณาการทดลองร่วมกันระหว่างภาคเอกชนกับเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา กิจกรรมมอบผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคใบร่วงชนิดใหม่ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง กิจกรรมมอบโฉนด สปก. ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน ๗๐ ราย กิจกรรมมอบเงินอุดหนุนจำนวน 24,600,000 บาท ให้สหกรณ์การเกษตรจะนะ จำกัด และกิจกรรมเปิดโรงงานผลิตน้ำยางข้นสหกรณ์การเกษตรจะนะ จำกัด

นายวุฒิศักดิ์ เพชรมีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า โรคใบร่วงชนิดใหม่ของยางพารา เป็นโรคที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบรุนแรงและสร้างความเสียหายต่อเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกยางพาราในภาคใต้และบางส่วนของภาคตะวันออก สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่กระจายของโรคใบร่วงชนิดใหม่ของยางพารา ได้แก่ สภาพอากาศมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี ทำให้เชื้อราสาเหตุโรคสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายโดยอาศัยลมและฝน ซึ่งพบรายงานว่า มีพืชอาศัยในบริเวณสวนยางแสดงอาการคล้ายกัน ทั้งวัชพืช พืชปลูกร่วม พืชผักสวนครัว และพืชยืนต้นอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงแปลงยางที่เกิดโรค ทำให้เชื้อสาเหตุสะสมอยู่ในสภาพแวดล้อมได้มากขึ้น ดังนั้น เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงยางพาราอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก หลีกเลี่ยงการนำกล้ายางพาราหรือวัสดุปลูกจากแหล่งที่พบการระบาดเข้าพื้นที่ กำจัดใบยางพาราที่เกิดโรคหรือวัชพืช ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมหรือพืชอาศัยของเชื้อสาเหตุโรค ใช้ระบบกรีดยางตามคำแนะนำของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และบำรุงเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้ต้นยางพารา เช่น การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และใส่ให้เหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโตของยางพารา ตามคำแนะนำของการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับยางพารา เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความทนทานต่อการเข้าทำลายของโรคพืชหลายชนิดรวมถึงโรคใบร่วงยางพาราด้วย

นายวุฒิศักดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอ ได้มีส่วนร่วมเข้าไปดูแลในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ของยางพารา โดยถ่ายทอดความรู้และคำแนะนำของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในการป้องกันโรคแก่เกษตรกรชาวสวนยาง รวมทั้งศึกษาการใช้ชีวภัณฑ์เพื่อจัดการโรคใบร่วงชนิดใหม่ ได้แก่ การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา โดยศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสงขลา ร่วมกับกลุ่มอารักขาพืช ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ในการจัดทำแปลงทดสอบการป้องกันกำจัดโรค จำนวน 5 แปลง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการโรคในพื้นที่ได้ต่อไป กรมส่งเสริมการเกษตรจึงสนับสนุนชีวภัณฑ์ให้แก่พื้นที่ที่พบโรค เพื่อใช้ในการป้องกันกำจัด นอกจากนี้ ยังได้จัดทำเอกสารทางวิชาการ เช่น แผ่นพับความรู้ทางการเกษตร และสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ขอให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมั่นสำรวจแปลงยางพาราอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นยางพารามีทรงพุ่มไม่สดชื่น ใบร่วง ให้ตรวจสอบอาการของโรคบนใบ ซึ่งลักษณะเริ่มแรกจะเกิดรอยช้ำค่อนข้างกลมบริเวณใต้ใบ ผิวใบด้านบนของบริเวณเดียวกันเป็นสีเหลือง ต่อมาเนื้อเยื่อบริเวณนี้จะขยายใหญ่ขึ้นเป็นสีคล้ำขอบแผลดำ และกลายเป็นเนื้อเยื่อแห้ง สีน้ำตาลจนถึงขาวซีด รูปร่างแผลค่อนข้างกลม มีจำนวนจุดแผลมากกว่า 1 จุดบนใบ อาจเจริญลุกลามซ้อนกันเป็นแผลขนาดใหญ่ หากพบโรคใบร่วงชนิดใหม่ของยางพารา สามารถใช้ชีวภัณฑ์ควบคุมเชื้อราสาเหตุโรคที่สะสมอยู่ในดิน โดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาเพื่อกำจัดและควบคุมเชื้อราสาเหตุที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนใบยางพาราที่ร่วงหล่นบริเวณพื้น สำหรับการหว่าน ใช้เชื้อสด 1 กิโลกรัม ผสมปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม และรำ 4 กิโลกรัม อัตรา 5 – 7 กิโลกรัมต่อต้น หรือสำหรับการฉีดพ่น ให้ใช้เชื้อสด 1 กิโลกรัม ผสมน้ำหรือน้ำผสมน้ำหมักชีวภาพ 200 ลิตร อัตรา 5 – 7 ลิตรต่อต้น ทั้งนี้ ควรหว่านหรือฉีดพ่นให้เชื้อราไตรโคเดอร์มาครอบคลุมบนใบยางพาราที่ร่วงหล่นทั่วทั้งสวน ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน หากพบต้นยางพาราเกิดโรคในแปลงเป็นจำนวนมาก ให้ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพตามคำแนะนำของการยางแห่งประเทศไทยและกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ difenoconazole + propiconazole 15%+15% EC อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ propinap หรือ mancozeb หรือ chlorothalonil อัตราผสม 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ hexaconazole (5% a.i.) อัตราผสม 30 – 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ propiconazole (25% a.i.) อัตราผสม 10 – 15 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร โดยฉีดพ่นพุ่มใบยางจากใต้ทรงพุ่มอัตรา 100 ลิตรต่อไร่ ควรเริ่มพ่นเมื่อยางพาราแตกใบใหม่หลังฤดูกาลผลัดใบปกติ และใบอยู่ในระยะเพสลาด คือระหว่างช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน

ทั้งนี้ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ของยางพารา หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช ใกล้บ้านท่านได้