นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่เปิดให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนทุกปี ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และจัดทำโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้ และเป็นฐานข้อมูลในการช่วยเหลือ เมื่อเกษตรกรประสบภัยพิบัติด้านพืช รวมถึงเป็นข้อมูลในการรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เมื่อมีโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง
โดยสามารถแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังจากทำการเพาะปลูกข้าวแล้ว 15 วัน ซึ่งเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกในช่วงนาปี จะเริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม-ธันวาคม จากข้อมูลระบบการติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกข้าว ของประเทศไทยจากข้อมูลดาวเทียม โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีพื้นที่เพาะปลูกข้าว ช่วง มีนาคม ถึง 30 มิถุนายน 67 จำนวนประมาณ 10.36 ล้านไร่ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผลการขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวนาปี ปี 2567/68 ของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 1,858,950 ครัวเรือน ทั้งหมด 3,742,646 แปลง โดยเป็นการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Farmbook จำนวน 1,721,493 ครัวเรือน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาการเกษตรที่ดี (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567)
โดยเกษตรกรสามารถแจ้งข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ 3 ช่องทางเท่านั้น คือ (1) แจ้งข้อมูล ณ สถานที่รับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ได้แก่ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ (ตามที่ตั้งแปลง) หรือจุดนัดหมายที่สำนักงานเกษตรอำเภอกำหนด (2) เกษตรกรสามารถแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเองผ่าน e-Form ทบก. (https://efarmer.doae.go.th) และ (3) Farmbook Application (สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม)
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ขอเชิญชวนเกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังจากทำการเพาะปลูกข้าวแล้ว 15 วัน ตามช่องทาง 3 ช่องทางข้างต้น และเน้นย้ำว่าให้ระวังมิจฉาชีพหลอกลวง แอบอ้างอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เพื่อเข้าร่วมโครงการมาตรการให้ความช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐผ่านช่องทางโทรศัพท์หรือ Line โปรดดูรายละเอียดช่องทางการสื่อสารต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนให้ข้อมูล หรือ ดำเนินการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ และหากมีข้อสงสัย โปรดติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่านเท่านั้น