นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และพัฒนาไปเป็นวิสาหกิจชุมชนที่ประกอบกิจการได้อย่างเข้มแข็งมีความสามารถในการแข่งขันทางการค้าได้ โดยอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา เพื่อยกระดับการประกอบกิจการของวิสาหกิจชุมชนให้พัฒนาไปสู่กิจการในระดับที่ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่มมากขึ้น แต่วิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และทักษะในการทำบัญชีอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังขาดความเข้าใจในหลักการบัญชีและการจัดทำรายงานทางการเงิน รวมถึงขาดการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนมีระบบบัญชีได้มาตรฐานและข้อมูลทางบัญชีและการเงินที่ทันต่อเวลา สามารถช่วยธุรกิจรับมือกับภาวการณ์ประกอบธุรกิจในปัจจุบัน
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ร่วมมือกับสมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและร่วมกันดำเนินการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนให้มีความพร้อมเป็นผู้ประกอบธุรกิจเรียนรู้ทักษะด้านการเงิน มีระบบบัญชีที่ได้มาตรฐาน มีข้อมูลทางบัญชีและการเงินที่ทันต่อเวลา รวมทั้งสนับสนุนการวางระบบบัญชี และขยายผลการนำระบบบัญชีไปใช้กับวิสาหกิจชุมชนอื่นต่อไป ช่วยยกระดับการประกอบกิจการของวิสาหกิจชุมชนให้เติบโตไปในทิศทางที่สามารถแข่งขันทางการตลาดได้
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการบูรณาการ การทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ประมาณ 3,300 แห่ง จากวิสาหกิจชุมชนทั้งหมด 73,469 แห่ง ให้มีระบบบัญชีที่มีมาตรฐาน โดยจะให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบบัญชีของวิสาหกิจชุมชน ซึ่งนับว่าเป็นการรวมพลังของหน่วยงาน ที่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็ง เติมเต็ม ต่อยอด เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนมีความมั่นคง เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีความพร้อมทางการค้า และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
************************
กองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน : ข้อมูล
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ : ข่าว
