
วันที่ 20 พฤษภาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันผึ้งโลก” (World Bee Day) โดยสหประชาชาติ เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของผึ้งต่อระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ วันผึ้งโลก จึงเป็นโอกาสที่ดีในการตระหนักถึงความสำคัญของผึ้งต่อระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ เป็นโอกาสให้ทุกคนเข้าใจบทบาทและความสำคัญของผึ้ง ในการขับเคลื่อนระบบนิเวศ และสร้างคงความมั่นคงทางอาหาร โดยปี 2025 FAO ได้กำหนดธีมวันผึ้งโลก คือ inspired by nature to nourish us all (ผึ้ง ผู้ก่อกำเนิดธรรมชาติ เพื่อหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง)

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นการ จัดการทรัพยากรทางการเกษตรสู่ความยั่งยืน กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ขับเคลื่อนนโยบาย ดังกล่าวและมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนในระบบเกษตรกรรมและอาหาร และความสมดุลของระบบนิเวศของโลก มุ่งเน้นการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ โดยเฉพาะแมลงเศรษฐกิจ เช่น ผึ้งและแมลงผสมเกสรอื่นๆ ซึ่งจากงานวิจัยหลายสถาบันยืนยันว่ากว่า 75% ของพืชที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารจำเป็นต้องอาศัยผึ้งและแมลงผสมเกสรอื่น ๆ ในกระบวนการผสมเกสรเพื่อให้พืชออกดอก ติดผล และสามารถขยายพันธุ์ได้ โดยเฉพาะพืชที่มีดอกแยกเพศ หรือพืชที่ต้องการการถ่ายเกสรระหว่างต้น เช่น สละ ต้องการผึ้งช่วยผสมเกสรระหว่างดอกเพศผู้และเพศเมีย ลำไย ช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพของผล รวมถึงกาแฟ ช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพได้ถึง 40% หากไม่มีผึ้ง การผลิตอาหารจะลดลงอย่างมาก รวมถึงบทบาทในการช่วยเพิ่มคุณภาพของผลผลิต เช่น ทำให้ผลไม้มีรูปทรงสวย น้ำหนักมากขึ้น และสม่ำเสมอ มากกว่าการผสมเกสรด้วยลมเพียงอย่างเดียว รวมถึงสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ ผึ้งช่วยให้พืชป่าและพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจสามารถแพร่พันธุ์ได้ ทำให้สัตว์อื่น ๆ ที่อาศัยพืชเหล่านั้นเพื่อเป็นอาหารหรือที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระบบนิเวศ


อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรมส่งเสริมการเกษตรมีการส่งเสริมการเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ ได้แก่ ผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง ชันโรง จิ้งหรีด และครั่ง รวมถึงอาชีพการเลี้ยงผึ้งยังช่วยสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรที่ทำสวนผลไม้ หรือพืชอื่นๆ เนื่องจากผึ้งช่วยผสมเกสร ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร ให้ความรู้เกษตรกรในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น ใช้แมลงช่วยสมสมเกสร ชีววิทยาของผึ้งพันธุ์ อุปกรณ์ในการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ การจัดการการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ การจัดการสุขอนามัยและการป้องกันกำจัดศัตรูผึ้ง การจัดการผลผลิตและการตลาด การสร้างมูลค่า การเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน GAP รวมถึงศึกษาการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ ผลกระทบและการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศ ผ่านโครงการต่างๆ ของกรมส่งเสริมการเกษตร เช่น โครงการระบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่เพื่อปรับเพิ่มผลผลิตภาพการผลิต เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 6,380 ราย ในพื้นที่ 44 จังหวัด และกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแมลงเศรษฐกิจในพื้นที่ 35 จังหวัด เกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 700 ราย และเตรียมพร้อมเข้าสู่การยกระดับเกษตรสินค้าเกษตรมูลค่าสูงอีกด้วย
