กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง เปิดสำนักงานเกษตรอำเภอทั่วประเทศ รับจดทะเบียน 11 วันเสร็จเรียบร้อย ชี้สิทธิประโยชน์เพียบ พร้อมโชว์ผลงานเสริมแกร่งวิสาหกิจฯ ที่ไฟเขียวจดทะเบียนแล้ว 83,679 แห่ง เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 588 แห่ง นำความเข้มแข็งมาสู่เศรษฐกิจฐานราก
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ให้เป็นผู้ประกอบการเชิงธุรกิจที่มีศักยภาพ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และช่วยเสริมสร้างให้เกิดความแข็งแรงในรูปแบบของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน พัฒนาไปเป็น Smart Group ที่สามารถบริหารจัดการกลุ่มใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เกิดการเชื่อมโยงตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ที่ช่วยขยายขอบเขตการประกอบกิจการเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกร จากการสร้างงาน สร้างรายได้ชุมชน ปัจจุบัน (ข้อมูล 31 ธ.ค. 2565) มีวิสาหกิจชุมชน 83,679 แห่ง สมาชิก 1,472,833 ราย และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 588 แห่ง สมาชิก 15,316 ราย ได้รับอนุมัติการจดทะเบียนโดยกรมส่งเสริมการเกษตร
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้เปิดให้มีการการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนขึ้น โดยต้องมีคุณสมบัติตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน คือ 1) เป็นกิจการที่ดำเนินการ หรือประสงค์ที่จะดำเนินการร่วมกันของกลุ่มบุคคลในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจชุมชน และ/หรือ รวมถึงพื้นที่ข้างเคียงที่มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจชุมชนด้วย ซึ่งอาจอยู่ภายในตำบล อำเภอ จังหวัดเดียวกันหรือไม่ก็ได้ โดยสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนมีวิถีชีวิตร่วมกันและสามารถดำเนินกิจการร่วมกันได้ อาจเป็นนิติบุคคลหรือไม่เป็นนิติบุคคลก็ได้ จะต้องประกอบด้วยสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในชุมชนไม่น้อยกว่า 7คน โดยต้องไม่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน และไม่มีรายชื่อปรากฏในทะเบียนบ้านเดียวกัน 2) เป็นกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการหรือกิจการอื่นที่ทําให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชุมชน 3) ดําเนินกิจการโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างรายได้ เพื่อการพึ่งพาตนเอง และเพื่อประโยชน์สุขของคนในชุมชน 4) ดําเนินกิจการโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดี
สำหรับเอกสารประกอบการจดทะเบียน อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ข้อมูลว่า กรณีไม่เป็นนิติบุคคล ประกอบด้วย แบบคำขอจดทะเบียน (แบบ สวช.01), บัตรประจำตัวประชาชนผู้มีอำนาจทำการแทน, ทะเบียนรายชื่อและที่อยู่ผู้มีอำนาจทำการแทน และสมาชิก, หนังสือให้ความยินยอมของสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งหรือสำเนามติที่ประชุมมอบหมายผู้มีอำนาจทำการแทน กรณีเป็นนิติบุคคล ประกอบด้วย แบบคำขอจดทะเบียน (แบบ สวช.01), บัตรประจำตัวประชาชนผู้มีอำนาจทำการแทน, ทะเบียนรายชื่อและที่อยู่ผู้มีอำนาจทำการแทนและสมาชิก, สำเนาเอกสารแสดง วัตถุประสงค์ ระเบียบ หรือข้อบังคับของนิติบุคคล, สำเนาบัญชีรายชื่อคณะกรรมการดำเนินการปัจจุบัน, สำเนามติคณะกรรมการดำเนินการ หรือมติของที่ประชุมใหญ่ ให้จดทะเบียน และมอบหมายให้เป็นผู้มีอำนาจทำการแทน
ส่วนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ชี้ว่า ต้องประกอบด้วยวิสาหกิจชุมชน ตั้งแต่ 2 วิสาหกิจชุมชนขึ้นไปมารวมตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนในเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนั้น โดยการดำเนินงานของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน อาจมีบุคคลภายนอกซึ่งวิสาหกิจชุมชนเห็นว่า เป็นผู้ที่สามารถให้ความรู้ ความช่วยเหลือ หรือทำคุณประโยชน์อื่นใดมาร่วมในการดำเนินการด้วยได้
“การจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการได้รับรองตามกฎหมาย และได้รับการประเมินศักยภาพ ช่วยทำให้ทราบระดับความเข้มแข็ง และความต้องการที่แท้จริง นำมาวางแผนพัฒนาได้ตามความพร้อม ที่สำคัญยังสามารถขอรับการส่งเสริมหรือสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานภาคี ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2548 ทั้งนี้ได้มีการอำนวยความสะดวก โดยมอบให้สำนักงานเกษตรอำเภอ/สำนักงานเกษตรพื้นที่ (กทม.) เป็นสถานที่รับจดทะเบียน ใช้ระยะเวลา 11 วันทำการเท่านั้น โดยผู้สนใจสามารถติดต่อยื่นขอจดทะเบียนหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
ข้อมูล: กองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน