นายรพีทัศน์ อุ่นจิตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานเกษตรอำเภอแม่ริมเข้าไปทำการวิจัย ถอดบทเรียนและสนับสนุนการดำเนินงานของสวนส้มยอดดอย บ้านขิ หมู่ 4 ต.แม่แรม อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ ที่มีการเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย (Smart&Green) และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีนายพิทยา ว่างจิตเจริญ เป็นประธานศูนย์ฯ เนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำเกษตรแบบปลอดภัยได้มาตรฐาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเชื่อมโยงโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG Modelที่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ( Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อนำไปเป็นต้นแบบให้สวนส้มในจังหวัดเชียงใหม่และนำไปต่อยอดพร้อมขยายผลสู่ชุมชนอื่น
ด้านนายพิทยา ว่างจิตเจริญ เกษตรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart Farmer เจ้าของสวนส้มยอดดอย กล่าวว่า ได้ทำการเกษตรครั้งแรกเมื่อปี 2546 บนพื้นที่ 4 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกกะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี และผักสลัดแก้ว ต่อมาประสบปัญหาด้านการตลาดจึงหันมาปลูกส้มเป็นพืชแซมในแปลงพืชผักในปี 2554 จนผลผลิตส้มออกสู่ตลาดจึงปรับเปลี่ยนมาปลูกส้มเป็นอาชีพหลัก แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ประสบปัญหาเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 2019 ทำให้ราคาตกต่ำ ไม่คุ้มกับต้นทุนที่เสียไป จึงเปลี่ยนจากการปลูกส้มเพื่อจำหน่ายเพียงอย่างเดียวมาเป็นเพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้มีรายได้ที่ยั่งยืนและเพียงพอ และเมื่อถึงฤดูท่องเที่ยวก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมสวนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายเพิ่มมากขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลสำเร็จในการปลูกส้ม คือ การมีรูปแบบการทำสวนส้มที่เหมาะกับตัวเองมีการวางแผนที่ดี ผลิตให้ตรงกับช่วงเวลาความต้องการของตลาดสร้างเครือข่ายธุรกิจเกษตรการสังเกตและใสใจพืชเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ส้มมีความสมบูรณ์ แข็งแรง และมีผลผลิตจำนวนมาก นอกจากนี้ยังต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกร ผู้สนใจการเกษตรทั่วไป หรือคนในชุมชนได้
นายพิทยา กล่าวอีกว่า นอกจากสวนส้มยอดดอย แหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเกษตรเชิงปลอดภัย ที่มีเป้าหมายฟื้นฟู อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น สวนบ้านไร่แบคเบอรี่ สวนดอกไม้มากาแรต ดอกเก็กฮวย และดอกไม้เมืองหนาว ที่เบ่งบานรับฤดูท่องเที่ยว โดยบ้านแม่ขิ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง สามารถท่องเที่ยวแบบไปกลับ หรือวันเดย์ทริป โดยไม่ต้องพักค้างคืน ซึ่งศูนย์เรียนรู้ฯ อยู่ห่างจากม่อนแจ่ม สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจ.เชียงใหม่ เพียง 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น