
กรมส่งเสริมการเกษตร จับมือภาคีเครือข่ายเร่งส่งมอบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์ดี”ที่มีความต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลดความเสียหายจากการระบาดในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปี 2567 ได้ร่วมกับมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์นำพันธุ์มันสำปะหลังต้านโรคใบด่าง ได้แก่ พันธุ์อิทธิ 1, อิทธิ 2และอิทธิ 3 มาขยายพันธุ์โดยใช้เทคโนโลยีเร่งรัด X20 และ X80 ซึ่งให้ผลผลิตมากกว่าวิธีเดิมถึง 20-80 เท่า มีเป้าหมายการผลิต จำนวน 240,000 ต้นพันธุ์ บนพื้นที่กว่า 150 ไร่ ปัจจุบันดำเนินการเสร็จสิ้น และสามารถส่งมอบสำเร็จแล้วกว่า 180,000 ลำ และคาดว่าจะทยอยส่งมอบครบตามเป้าหมาย 240,000 ลำ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568



โดยส่งมอบให้เกษตรกร 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. กลุ่มแปลงศึกษาทดสอบ จำนวน 45 ไร่ ใช้ปลูกตามวิธีปกติ ก่อนขยายผลต่อด้วยเทคโนโลยีข้อสั้นในปีถัดไป
2. กลุ่มแปลงใหญ่ ดำเนินการร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกษตรกรร่วมโครงการจำนวน 1,200 ราย โดยจัดอบรมและส่งเสริมการปลูกพันธุ์ต้านโรคใบด่างในรูปแบบ “ธนาคารแปลงพันธุ์” 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี ชัยภูมิ ขอนแก่น และอุทัยธานี
3. กลุ่มเครือข่ายกองขยายพันธุ์พืช โดยการสร้างเครือข่ายพืชพันธุ์ดีชุมชน ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระแก้ว ร้อยเอ็ด และกำแพงเพชร
ทั้งนี้ พันธุ์ที่ต้านทานโรคใบด่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการศึกษา ทดสอบ ภายใต้สภาพแวดล้อมควบคุม ได้ผลดังนี้
– พันธุ์อิทธิ 1: ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.2 ตัน/ไร่ ปริมาณแป้ง 25.3% ต้านโรคใบด่างได้ถึง 96.4%
– พันธุ์อิทธิ 2: ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.5 ตัน/ไร่ ปริมาณแป้ง 19.8% ไม่พบโรคใบด่างเลย (ต้านทาน 100%)
– พันธุ์อิทธิ 3: ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2.9 ตัน/ไร่ ปริมาณแป้ง 20.7% ต้านโรคได้ 95.1%
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2569 มีเป้าหมายจะขยายผลเพิ่มอีก 3,700 ไร่ คาดว่าจะสามารถผลิตท่อนพันธุ์ได้ถึง 29.6 ล้านท่อน โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังฯ โดยใช้เทคโนโลยีข้อสั้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกอย่างรวดเร็ว และพร้อมกระจายผ่านเครือข่ายศูนย์พันธุ์พืชชุมชน เน้นย้ำว่า “การใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่ได้รับการรับรองและเชื่อถือได้ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการลดการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง” เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการนำเข้าท่อนพันธุ์จากแหล่งที่ไม่ผ่านการรับรอง และควรตรวจสอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายในอนาคต.-


